20 พฤศจิกายน 2552

เมืองชายแดน
........ดินแดนแห่งนี้เป็นที่อยู่ของคนโบราณ เข้าสู่การเป็นชุมชนที่พัฒนาตนเองขึ้นมาจากลุ่มแม่น้ำแม่กลอง จนกระทั่งเข้าสู่การเป็นเมืองพร้อมๆ กับถูกจารึกชื่อในยุคร่วมสมัยกับสุโขทัย แต่ด้วยเป็นดินแดนที่อยู่ชายแดนต่อกับสหภาพพม่า มีเทือกเขาตะนาวศรีกั้นพรมแดน ดินแดนแห่งนี้จึงเป็นแหล่งตั้งชุมชนของบรรดาเชลยศึกที่กวาดต้อนมาจากที่ต่างๆ ทั้งลาว เขมร ยวน โซ่ง ส่วนจีนอพยพเข้ามาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 16 ซึ่งพบหลักฐานจากเครื่องปั้นดินเผาแผ่นอิฐแบบจีน เหรียญอีแปะจีนและภาพจิตรกรรมฝาผนังที่พระปรางค์วัดมหาธาตุ ส่วนมอญและกะเหรี่ยงอพยพลี้ภัยเข้ามาในแผ่นดินไทย
........สมัยอยุธยาตอนต้น พม่ายกทัพมาตีไทย ใช้เส้นทางจากด่านเจดีย์สามองค์ลงมาตามลำน้ำแควน้อยสู่เมืองกาญจนบุรี ผ่านสุพรรณบุรี อ่างทอง เข้ากรุงศรีอยุธยา เมืองราชบุรีจึงปลอดศึกสงคราม ต่อมาในปี พ.ศ.2303 เกิดศึกอลองพญา พม่าเปลี่ยนเส้นทางเดินทัพ ผ่านเข้าทางทวายตัดขึ้นเพชรบุรี เข้าราชบุรี ออกสุพรรณบุรีสู่อู่ทอง แล้วตรงเข้ากรุงศรีอยุธยา ราชบุรีจึงเปลี่ยนจากเมืองสงบกลายเป็นเมืองยุทธศาสตร์
........ในยามนั้น สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงรั้งตำแหน่งหลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรี เมื่อเมืองหลวงย้ายจากกรุงศรีอยุธยามาอยู่ที่กรุงธนบุรี และกรุงเทพมหานครในที่สุด บทบาทราชบุรีสำคัญยิ่งขึ้นในรัชกาลที่ 2 ได้ย้ายเมืองราชบุรีจากฝั่งแม่น้ำด้านตะวันตกมาอยู่ด้านตะวันออก ปัจจุบันคือบริเวณที่ตั้งกรมทหารราชบุรีและกรมการทหารช่าง เมื่อราชบุรีกลายเป็นสมรภูมิรบ ทำให้ราษฎรอพยพหนี เมื่อพระเจ้าตากสินและพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ ทรงทำศึกชนะ ก็กวาดต้อนเชลยศึกมาอาศัยอยู่ราชบุรี มีทั้งลาวโซ่ง ลาวยวน ลาวเวียงและเขมร ส่วนมอญและกะเหรี่ยงอพยพจากพรมแดนมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ทำหน้าที่เป็นกองสอดแนมและผู้ชำนาญทางด้านชายแดนให้กับไทย ดังมีขุนพิทักษ์ คีรีมาส เป็นหัวหน้าและเป็นชาวกะเหรี่ยง
ราชบุรีพัฒนาเป็นชุมชนการค้า
........สงครามระหว่างไทยกับพม่าสงบลงอย่างสิ้นเชิง เมื่อพม่าตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษในช่วงรัชกาลที่ 2 และในปี พ.ศ.2398 ไทยทำสนธิสัญญาเบาว์ริง ทำให้การค้าที่ผูกขาดด้วยรัฐผ่อนคลายลงมาก การค้าเสรีมากขึ้น ดินที่อุดมสมบูรณ์ของราชบุรีถูกถางเตียน เพื่อทำไร่ปลูกอ้อย มีโรงหีบอ้อยผลิตน้ำตาลหลายแห่งเกิดขึ้นที่ราชบุรี
ที่มา : ยอดแต้ว อักษรา. ราชบุรี. (2543). แสงเเดด, กรุงเทพฯ